โพลชี้ วัยรุ่นไทยกว่า 50%
ขาดความรู้เรื่องเพศ
โพลสถาบันรามจิตติชี้ วัยรุ่นไทยกว่า
50% นิยมสวยผอม คิดใช้ยาลดความอ้วนและศัลยกรรม ยอมรับการมีกิ๊ก
ส่วนใหญ่ขาดความรู้เรื่องเพศ
วันนี้ (9 กรกฎาคม) นายอมรวิชช์ นาครทรรพ
ที่ปรึกษาสถาบันรามจิตติ เปิดเผยถึงผลการสำรวจสภาวการณ์เด็กและเยาวชนไทย
ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2555 จากกลุ่มตัวอย่างเด็ก 20,000 คน ใน 4 ช่วงอายุ
จาก 20 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
รวมทั้งสะท้อนปัญหา ซึ่งผลมีดังนี้
สภาวการณ์ด้านสุขภาพ พบว่า เยาวชนระดับ
ม.ต้น และ ม.ปลาย ที่กินอาหารเช้าเป็นประจำ มีเพียงร้อยละ 50
เมื่อขึ้นอุดมศึกษาจะเหลือเพียงร้อยละ 37 และเด็กที่กินผักเป็นประจำทุกมื้อ มีเพียง
1 ใน 3 ของเด็กทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กยังมีค่านิยมสวยผอม โดย 1 ใน 3 คน
มีความคิดใช้ยาลดความอ้วนและทำศัลยกรรม
ส่วนสถานการณ์ภาวะเครียดพบว่า
เด็กในระดับมัธยมถึงอุดมศึกษา ประมาณ 1 ล้านคน
มีอาการซึมเศร้าและหงุดหงิดไม่รู้สาเหตุ และเกือบร้อยละ 50
เคยมีอาการเครียดจนปวดท้องหรืออาเจียน นอกจากนี้
ยังพบว่าเด็กมีความสุขในการไปเรียนลดลง สะท้อนให้ระบบการศึกษาต้องมีการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งควรปรับการจัดการศึกษาในโรงเรียน ให้กรอบไม่แน่นเกินไป
เพิ่มพื้นที่กิจกรรมทางเลือกที่หลากหลายให้เด็กมีทางออกจากความเครียด
สร้างความสุขในการใช้ชีวิต ก่อให้เกิดศักดิ์ศรีและเคารพในตัวเอง
ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนได้ในเวลาเดียวกัน
ส่วน
สถานการณ์เรื่องเพศสัมพันธ์
เด็กและเยาวชนเข้าสู่การมีเพศสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากร้อยละ 24 ในปี
2551 เป็นร้อยละ 35 ในปี 2554 ขณะเดียวกันจากการสำรวจในปี 2554 พบว่าเด็กถึงร้อยละ
27 มีเพื่อนสนิทเคยตั้งท้องหรือเคยทำแท้ง และมีเด็กไทยถึง 1 ใน 4
ที่รู้สึกว่าการมีกิ๊ก หรือมีแฟนหลาย ๆ คนพร้อมกันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้
สะท้อนถึงพฤติกรรมและค่านิยมของเด็กจำนวนมากที่ยังสุ่มเสี่ยงต่อการสร้าง
ปัญหาให้ตนเอง
นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กยังขาดความรู้เรื่องเพศ มีเพียงร้อยละ
53 เท่านั้นที่รู้ถึงข้อจำกัดและความเสี่ยงในการใช้ถุงยางอนามัย
และมีเด็กเพียงร้อยละ 57 ที่ยอมรับการพกถุงยางอนามัยติดตัว นอกจากนี้มีเด็กเพียง 1
ใน 4
ที่รู้สึกว่าได้เรียนรู้เรื่องเพศอย่างพอเพียงจากโรงเรียน
ในส่วนสถานการณ์ความรุนแรงในเด็กและเยาวชนไทยในรอบปีที่ผ่านมา
พบว่า ในจำนวนเด็กในระดับมัธยมศึกษาถึงระดับอุดมศึกษาทั่วประเทศกว่า 7 ล้านคน
พบว่ามีเด็กและเยาวชนกว่า 700,000-1,000,000 คน ตกอยู่ในภาวะความรุนแรงในโรงเรียน
เช่น ถูกขู่กรรโชกทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และการทะเลาะวิวาทกับเพื่อนนักเรียน
ทั้งยังมีเด็กที่พบเห็นการพกพาอาวุธร้ายแรง เช่น ปืน มีดดาบ ระเบิดทำเอง
เข้ามาในสถานศึกษาเป็นอัตราส่วนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว นอกจากนี้
สื่อยังมีอิทธิพลอย่างสูงต่อเด็กไทย โดยใช้เวลาดูโทรทัศน์ คุยโทรศัพท์
เล่นอินเทอร์เน็ตรวมกันกว่า 7 ชั่วโมงต่อวัน และที่น่าสนใจคือ เด็กกว่าร้อยละ 50
นิยมดูละครโทรทัศน์ จึงจำเป็นต้องสร้างสื่อเพื่อสะท้อนการใช้ชีวิตอย่างฉลาด
ปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้อง
ที่มา
http://women.kapook.com/view43648.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น