ขอบคุณภาพจาก forparentsbyparents.com
เมื่อพูดถึงโรคเหงือกอักเสบ เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้ง่าย และรุนแรงกว่า เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนซึ่งมีผลต่อเหงือก และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เชื้อโรคบางชนิดเจริญเติบโตได้ดี ซึ่งไม่เพียงแต่กระทบต่อสุขภาพช่องปากอย่างเดียว ยังมีงานวิจัยออกมาว่า โรคเหงือกอักเสบมีความสัมพันธ์กับการคลอดก่อนกำหนด และภาวะทารกมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานที่เกิดจากการติดเชื้อในช่องปากด้วย
ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ "ผศ.ทญ.พิณทิพา บุณยะรัตเวช" ทันตแพทย์เฉพาะทาง สาขาปริทันตวิทยา อธิบายให้ทีมงาน Life and Family ฟังว่า การคลอดก่อนกำหนด และทารกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์นั้น เป็นปัญหาสำคัญที่อาจทำให้ทารกเสียชีวิตได้ โดยทั้งนี้ มีความพยายามในการหาสาเหตุ และวิธีป้องกัน แต่ยังไม่สามารถลดการเกิดปัญหาดังกล่าวได้มากนัก
จนเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ได้มีการเสนอว่า เชื้อโรคที่อยู่ในช่องปากของคุณแม่ตั้งครรภ์ อาจจะมีการกระจายสู่ร่างกาย และมีผลทำให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด หรือทารกมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติได้ ซึ่งโรคปริทันต์อักเสบ (โรคเหงือกอักเสบที่ลุกลามจนถึงขั้นมีการทำลายกระดูกที่รองรับฟัน สมัยก่อนเรียก รำมะนาด) เป็นโรคที่มีสาเหตุหลักจากคราบจุลินทรีย์ ร่องเหงือกที่ลึกจากการเป็นโรคจึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคปริมาณมาก ทำให้มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ทำในหลายกลุ่มประชากรพยายามศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างโรคปริทันต์อักเสบ กับการเกิดภาวะไม่พึงประสงค์ในการตั้งครรภ์ดังกล่าว แต่ผลที่ได้ยังมีการขัดแย้งกันอยู่
"ปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปได้ค่ะ ว่าโรคเหงือกอักเสบจะทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด หรือทารกมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ จำเป็นต้องรอดูข้อมูลงานวิจัยที่มีความชัดเจนมากกว่านี้ต่อไป" ทันตแพทย์เฉพาะทาง สาขาปริทันตวิทยากล่าว
อย่างไรก็ดี ผศ.ทญ.พิณทิพา บอกว่า การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากเป็นเรื่องที่จะละเลยไม่ได้ในแม่ตั้งครรภ์ ดังนั้นควรจำกัดคราบจุลินทรีย์โดยการแปรงฟัน และใช้อุปกรณ์เสริมช่วย เช่น ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ ซึ่งคราบจุลินทรีย์ที่ว่านี้ ไม่ใช่เศษอาหาร แต่เป็นเชื้อโรคที่ปกติจะลอยอยู่ในน้ำลายแล้วค่อยๆ มาสะสมอยู่บนผิวฟัน
"การแปรงฟัน จะช่วยจำกัดคราบนี้ออกไป แต่หากแปรงฟันไม่สะอาด โดยเฉพาะตามคอฟันใกล้ขอบเหงือก หรือซอกฟัน คราบนี้จะเริ่มมีแร่ธาตุมาเกาะ และกลายเป็นหินน้ำลาย (แต่ก่อนเรียกหินปูน) ในที่สุด ที่สำคัญควรได้รับการตรวจสุขภาพช่องปาก ขูดหินน้ำลาย หรือรักษาโรคเหงือกก่อน เพราะถ้าเหงือกเริ่มอักเสบอยู่บ้างแล้วจะใช้วิธีแปรงฟันให้สะอาดเท่านั้นซึ่งไม่เพียงพอ"
สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ช่วงเวลาที่จะทำฟันได้ แนะนำว่า ควรจะเป็นไตรมาสที่ 2 (ประมาณสัปดาห์ที่ 13-21 ของการตั้งครรภ์) แต่ถึงกระนั้นควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ ซึ่งจะปลอดภัยกว่าปล่อยไว้จนเกิดปัญหาตามมาภายหลัง
"ปัญหาในช่องปากหลักๆ แล้ว คือโรคฟันผุ และโรคเหงือก ซึ่งทั้ง 2 โรคนี้สามารถป้องกันได้ง่ายๆ โดยการแปรงฟันให้สะอาด และใช้อุปกรณ์เสริมที่เหมาะสม เช่น ไหมขัดฟัน จากนั้นลดปริมาณอาหารกลุ่มแป้ง และน้ำตาล และไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก รวมทั้งขูดหินน้ำลาย (หินปูน) เป็นการป้องกันไม่ให้เป็นโรคเหงือกอักเสบจนลุกลามไปถึงโรคปริทันต์อักเสบ ซึ่งทั้ง 2 โรคนี้มักจะไม่พบอาการในเบื้องต้น กว่าจะเริ่มมีอาการมักจะลุกลามไปมากแล้ว ทำให้การรักษายุ่งยาก เสียเวลา และเสียค่าใช้จ่ายสูง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นอาจจะเก็บฟันไว้ไม่ได้" ทันตแพทย์เฉพาะทาง สาขาปริทันตวิทยาทิ้งท้าย
ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น