วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2554

ทำอย่างไรดี..เมื่อลูกชอบเจาะชอบสัก

ทำอย่างไรดี..เมื่อลูกชอบเจาะชอบสัก

ปัจจุบันแฟชั่นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมักจะเป็นการเจาะหู การย้อมสีผม การโกนศีรษะ หรือแม้กระทั่งการสักร่างกาย คุณแม่คงเคยพาลูกสาวไปเจาะหูตอนลูกเรียนสมัยชั้นประถม แต่คุณแม่คงจะกลุ้มใจไม่น้อยหากลูกสาวต้องการเจาะหูมากกว่า 1รู และต้องการเจาะที่ลิ้น ที่สะดือ หรือที่จมูกเพิ่มขึ้น และอาจจะตกใจมากยิ่งขึ้นหากลูกชายต้องการทำเหมือนกัน

สำหรับวัยรุ่นแล้วทรงผมและเสื้อผ้ามีความสำคัญเทียบเท่ากับอาหารและน้ำ การเจาะอวัยวะของร่างกาย การแต่งตัว ทรงผมและการสักล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่วัยรุ่นแสดงออกเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ตอนสมัยคุณพ่อคุณแม่เองเป็นวัยรุ่นคงเคยคิดทำอะไรที่อยากให้ทุกคนยอมรับเหมือนกัน วัยรุ่นต้องการการเป็นที่ยอมรับและต้องการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะการแสดงออกทางแฟชั่น

เพราะช่วงวัยรุ่นเป็นวัยแห่งการแสวงหาและชอบการแสดงออกที่แปลกๆไม่เหมือนใคร ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเจาะส่วนต่างๆของร่างกาย การสัก การโกนผม การใส่กางเกงขาดมีรู ล้วนแล้วแต่เป็นการเปิดหน้าต่างบานเล็กๆของการเรียนรู้ การแสดงออกถึงความเป็นตัวตน เพื่อจะผ่านเข้าไปสู่วัยผู้ใหญ่นั่นเอง

คุณพ่อคุณแม่อาจจะพอรับได้หากลูกขอย้อมผมสีแปลก ๆ โกนผม หรือใส่กางเกงแบบเก๋ๆบ้าง แต่หากเป็นการเจาะหู สะดือ ลิ้น หัวนม จมูก การสักลายแบบต่างๆ คงจะหายใจไม่ทั่วท้องแน่ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้คือ

1. สังเกตกลุ่มเพื่อนของลูก หากเห็นว่ามีรอยสัก หรือ การเจาะต่างๆ ถามลูกว่าลูกรู้สึกอย่างไร หากลูกไม่เห็นด้วยก็ดีไป

2. ให้ความรู้ความเข้าใจกับลูกในกรณีที่ลูกเห็นด้วยกับการสักและการเจาะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นด้วย ดังนี้

- บอกลูกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นแฟชั่น ของยุคสมัยหนึ่งและหากหมดยุคและล้าสมัยแล้ว ยากแก่การแก้ไขให้เหมือนเดิมได้

- การทำรอยสักต่าง ๆ มีราคาแพงและการสักทำให้เจ็บปวด

- หากต้องการลบรอยสัก สามารถทำได้ก็จริง แต่ยากต่อการทำให้ผิวหนังมีสภาพเหมือนเดิม และรอยแผลเป็นนั้นจะคงอยู่ตลอดไป อีกทั้งยังแพง เจ็บปวด และเสียเวลาในการทำหลายต่อหลายครั้ง

เชื้อโรคที่ผ่านจากการใช้เข็มที่ไม่สะอาด มีดังนี้

โรคเลือดอาจไหลไม่หยุด บาดทะยัก เป็นฝี เป็นหนอง การติดเชื้อจากไวรัสตับอักเสบ B และ C เชื้อไวรัส HIV กรมความคุมโรคติดต่อของสหรัฐอเมริกากล่าวว่าเชื้อไวรัส HIV สามารถมีชีวิตอยู่ได้ 12 นาที ส่วนไวรัส B และ C สามารถอยู่ได้ถึง 10 วันซึ่งอันตรายกว่า

ทั้งนี้ ทันตแพทย์กล่าวว่าการเจาะลิ้น และปาก ทำให้มีกลิ่นปาก ระบบการหายใจไม่สะดวก มีการติดเชื้อในช่องปากได้ง่าย ส่วนการเจาะสะดือ ถือว่าเป็นอันตรายด้วยเช่นกัน เพราะอยู่ใกล้กับมดลูกมาก

- การเจาะและสักอาจทำให้ติดเชื้อสู่ผิวหนัง ที่อาจทำให้เป็นแผลเรื้อรัง และเป็นอันตรายที่รุนแรงได้

- คุณพ่อคุณแม่สามารถหาภาพประกอบให้ลูกเห็นชัดเจน

3. ฝึกให้ลูกคิด ถามลูกว่าวันหนึ่งเมื่อลูกเป็นผู้ใหญ่และต้องสมัครงาน คนที่สัมภาษณ์จะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นรอยสักและการเจาะส่วนต่างๆของร่างกายนี้

4. หากลูกขอสัก หรือเจาะส่วนต่างๆของร่างกาย แนะนำให้ลูกไปคุยกับคุณหมอ หรือผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ในเรื่องอันตรายที่จะเกิดขึ้น ยาที่ใช้ ความสะอาดของเข็ม เป็นต้น

5. เด็กที่ต้องการมีรอยสักหลายจุด และเจาะส่วนต่างๆของร่างกายหลายที่ มักมีปัญหาภายในที่ซับซ้อนมากกว่าการเห็นภายนอก ดังนั้นควรค้นหาปัญหาที่แท้จริงและแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด

6. การให้ความรู้ และความเข้าใจกับลูกวัยรุ่นถึงความปลอดภัยและอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับลูกนั้นได้ผลมากกว่าการสั่งห้ามไม่ให้ทำ

กว่าจะเลี้ยงลูกแต่ละคนให้ถึงฝั่ง คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเหนื่อยกับการเผชิญประสบการณ์แปลกๆมากมาย คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจจะตัดสินลูก และว่ากล่าวตักเตือนลูกถึงสิ่งต่างๆที่ลูกแสดงออกภายนอกเหล่านี้ แต่อย่าลืมว่าช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ อดทน และเอาใจใส่ เพื่อที่ลูกจะผ่านเข้าสู่วัยของการเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ในอนาคต ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ




ที่มา
ทำอย่างไรดี..เมื่อลูกชอบเจาะชอบสัก/ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น