วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

"สายสะดือเด็ก" กับความเชื่อที่คุณอาจไม่เคยรู้

เปิดความเชื่อที่อาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ "สายสะดือเด็ก"

หากพูดถึงสายสะดือของเด็ก ไม่เพียงแต่เป็นสายใยหล่อเลี้ยงชีวิตลูกน้อยในครรภ์เท่านั้น แต่ยังเป็นสายใยแห่งความเชื่อที่มีตำนานเล่าขานกันมาแต่โบราณ โดยเฉพาะสะดือของลูกหลังคลอดที่แห้งหลุดออกมา คนสมัยก่อนจะให้ความสำคัญมาก ไม่ว่าจะเอาไปทำยา หรือเก็บไว้เป็นเครื่องรางติดตัวลูก

กับความเชื่อดังกล่าวนี้ หมอวี-กวี ทัศนศร อายุ 53 ปี หมอนวดแผนไทย และหมอพื้นบ้านผู้มีความรู้เกี่ยวกับการทำคลอด บอกเล่าให้ทีมงาน Life and Family ฟัง ว่า ความเชื่อเรื่องสายสะดือของเด็ก คนโบราณมักเชื่อกันว่า หากสายสะดือของลูกหลุด พ่อแม่มักจะเก็บไปทำยา ด้วยการนำไปตากแห้ง นำมาฝนให้ลูกกินแก้อาการเจ็บป่วย โดยมีข้อแม้ว่า สะดือของเด็กคนใด ต้องเป็นของเด็กคนนั้น

อย่างไรก็ตาม ในแต่ละภาคของไทย มีความเชื่อเรื่องสายสะดือแตกต่างกัน โดยชาวล้านนามีความเชื่อกันว่า สายสะดือของเด็ก เป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับพ่อแม่ ญาติพี่น้อง จึงต้องเก็บไว้เป็นอย่างดี ด้วยการทำให้แห้งสนิท แล้วห่อกระดาษเก็บเอาไว้ เมื่อเด็กที่เป็นพี่มีน้องคลอดตามมา แม่จะเอาสะดือของทั้งสองพี่น้อง หรือของลูกทุกคน มาฝนกับหินฝนยา แล้วเอาน้ำสะดือนั้นให้ลูกทุกคนกิน โดยเชื่อกันว่า พี่น้องจะได้รัก และห่วงใยกัน เหมือนเป็นการกรีดเลือดสาบานดื่มพร้อมกัน ดังคำสอนของชาวล้านนาที่ว่า "ปี้น้องกันกกไส้ปั๋นกั๋น หื้อฮักกั๋น" ซึ่งหมายความว่า พี่น้องตัดไส้แบ่งกันจะได้รักกัน

ส่วนภาคใต้ เมื่อหมอตัดสายสะดือเด็กด้วยไม้ไผ่บางๆ และผูกด้วยด้ายดิบเป็นสอง หรือสามเปลาะ เอาสายสะดือเปลาะที่สองนับจากตัวเด็กวางลงบนขมิ้นแล้วตัดเอาส่วนที่เป็นรอย ไปแตะที่ขมิ้น ปาก และมือของเด็ก โดยถือเคล็ดที่ว่า ป้องกันไม่ให้เด็กปากไม่ดี มือบอน มือไว หรือซุกซน จากนั้นเอาเชือกผูกสายสะดือส่วนที่ติดกับตัวเด็กอีกครั้งแล้วเอายาทา โดยยาที่ใช้ทา คือ ยาพลับพลา ขี้เต่า หญ้าใต้ใบ หรือรัง เป็นต้น ซึ่งใช้วิธีบดโรยบนสะดือทิ้งไว้ราว 7 วัน สะดือเด็กก็จะหลุด ก่อนสะดือเด็กจะหลุดนั้น ต้องอาบน้ำให้เด็กนอกอ่าง เพราะเชื่อว่า ถ้าสะดือหลุดในอ่างภายหน้าเด็กจะเสียชีวิตในน้ำ

ทั้งหมดนี้ หมอวีบอกว่า เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ปัจจุบันมีให้เห็นน้อยลง หรือแทบจะไม่มีเลย เนื่องจากวิทยาการทางการแพทย์มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น

สำหรับ ความเชื่อเดียวกันนี้ ไม่เฉพาะแต่เพียงคนไทยเท่านั้นที่ให้ความสำคัญ ฟากฝรั่ง หรือชาวต่างชาติก็มีความเชื่อ และให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่น้อย ซึ่งหากค้นตำนานความเชื่อของฝรั่ง และชาติต่างๆ พบว่า สายสะดือของเด็กที่หลุดออกนี้ นับเป็นของขลังสำหรับเด็กในอนาคตข้างหน้า ซึ่งหากเด็กเจ้าของสายสะดือเจ็บป่วยขึ้น จะได้ดูดสายสะดือกินเป็นการแก้อันตราย

เห็นได้จาก ชาวบ้านชาวกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี หมอตำแยจะมอบสายสะดือแห่งนี้ให้บิดาของเด็กรักษาไว้จงดี ถ้ารักษาไว้ได้นานตราบใด เด็กจะมีความเจริญปราศจากโรคภัยไข้เจ็บตราบนั้น

ส่วนชาวอังกฤษเมื่อราวร้อยปีเศษล่วงมานี้ มีประกาศขอซื้อสายสะดือแห้งบ่อยๆ ถือว่าสะดือเป็นของขลังเมื่อต้องล่องเรือไปกลางทะเล เพราะเชื่อกันว่า จะช่วยไม้ให้เรืออับปาง ทั้งยังเป็นของนำโชคลาภมาให้แก่ผู้ครอบครอง เช่น เวลาตกน้ำ ถ้ามีติดตัวไว้ แม้ว่ายน้ำไม่เป็นก็จะไม่จมน้ำตาย

เช่นเดียวกับที่เกาะเซรัม และเกาะอื่นๆ ทางทะเลใต้ ตลอดจนชาวออสเตรเลีย ส่วนใหญ่มักเอาสายสะดือแห้งๆ ผูกคอเด็กเป็นเครื่องราง โดยเชื่อว่าจะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บของเด็ก หรือถ้าเด็กเจ็บป่วยก็จะใช้สายสะดือเป็นยารักษาโรค และทำให้เด็กเติบโตเร็ว ตลอดจนเป็นเครื่องรางป้องกันตัวเองให้พ้นภัยเมื่อต้องออกเดินทางหรือทำ สงคราม

ทางด้านประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างพม่า พวกเขาเชื่อว่าสายสะดือเด็ก ถ้านำติดตัวไปด้วย จะทำให้ใครๆ มีจิตใจเมตตา ขณะที่ชาวฮินดูลางถิ่น ใช้สายสะดือป่นกับไข่ให้เด็กกิน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เกิดสติปัญญา และถ้าบรรจุเย็บไว้ที่คอเสื้อผ้าของเด็ก เด็กจะเป็นคนเก่งกล้าสามารถ

เมื่อ พิจารณาคติของไทย และชาติต่างๆ ตามที่เล่ามาแล้ว สายสะดือถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเด็ก เพราะเด็กมีชีวิตอยู่ได้ในท้องแม่ โดยอาศัยสายสะดือเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผู้สูงอายุของไทยสมัยก่อนมักเก็บสายสะดือแห้งไว้เป็น น้ำกระสายยา เวลามีใครป่วยหนักกินยาอะไรไม่ทุเลา จะฝนสายสะดือแห้งเป็นน้ำกระสายแทรกไปกับยาอื่นเป็นอย่างยาอธิษฐาน นอกจากนี้ยังใช้สายสะดือแห้งฝนกับน้ำมะนาว ทาแก้พิษแมลงอะไรต่อยได้ด้วย

อย่าง ไรก็ดี ทางทีมงานได้พยายามติดต่อสอบถามไปยังแพทย์แผนปัจจุบันอยู่หลายคน เพื่อนำข้อมูลมารองรับกับความเชื่อดังกล่าว แต่ไม่มีท่านใดให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้เลย ดังนั้นจึงขอฝากไว้ว่า เมื่อพ่อแม่รู้ถึงความสำคัญของสายสะดือที่เป็นเหมือนเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิต ลูกระหว่างอยู่ในครรภ์ แต่เมื่อลูกคลอดออกมา สะดือลูกถือเป็นส่วนสำคัญที่พ่อแม่ทุกคนจะต้องดูแลให้สะอาดตามหลักการแพทย์ ปัจจุบันอย่างดีที่สุด และควรระวังความเชื่อที่มีความเสี่ยงต่างๆ เพราะตราบใดที่สายสะดือยังไม่หลุดออกไป โอกาสที่ลูกจะติดเชื้อทางสายสะดือย่อมมีความเสี่ยงได้สูง

เทคนิคการเช็ดสะดือให้ลูก

- หากสายสะดือยังไม่หลุดให้เช็ดทำความสะอาดรอบสะดือหลังอาบน้ำหรือหลังการเช็ดตัวลูกทุกครั้ง

- จับ สายสะดือให้สูงขึ้น โดยจับปลายเชือกที่ผูกสายสะดือยกขึ้น อีกมือให้ใช้สำลีสะอาดชุบแอลกอฮอล์ 70 % พันไม้สอดเข้าไปเช็ดสะดือให้สะอาดทั่วถึง โดยเช็ดสะดือด้านในเบาๆ ไปจนถึงโคนสะดือ

- ใช้สำลีพันปลายไม้อันใหม่เช็ดขอบสะดือเป็นวงกว้าง และบริเวณรอบสายสะดือให้สะอาดอีกครั้ง โดยไม่ใช้ส่วนที่เช็ดแล้วมาเช็ดซ้ำอีก

- หลังเช็ดสะดือแล้วไม่ควรโรยแป้ง เพราะจะทำให้สะดือแห้งช้า และยังเป็นที่หมักหมมของเชื้อโรคควรเปิดสะดือลูกให้ถูกอากาศบ่อยๆ สะดือจะได้ไม่อับชื้น

- ถ้าสายสะดือหลุดแล้ว แต่สะดือยังไม่แห้งสนิท ควรเช็ดทำความสะอาดต่อไปก่อน จนกว่าจะเห็นว่าสายสะดือแห้งสนิทแล้วค่อยเลิกเช็ด

- ถ้าเห็นว่าสายสะดือของลูกอักเสบ สะดือแดงผิดปกติ หรือสะดือมีหนอง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

---------------------------------------------------------------------------------------------------

ขอ ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากหนังสือประเพณีเกี่ยวกับชีวิต งานนิพนธ์ชุดประเพณีไทยเรื่องการเกิด ของเสฐียรโกเศศ จากต้นฉบับที่พิมพ์โดย สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย, ข้อมูล และวรรณนิทัศน์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เรื่องการเกิด สำนักหอสมุดแห่งชาติ

ที่มา
ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น