วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

๑๐ สัญญาณ บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์

๑๐ สัญญาณ บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ !!!

**หมายเหตุ ผู้หญิงแต่ละคนจะมีสัญญาณบ่งบอกที่แตกต่างกันไป คุณไม่จำเป็นต้องมีสัญญาณบ่งบอกนี้ครบทุกข้อนะครับ

๑. เต้านมและหัวนมมีการเปลี่ยนแปลง
หากคุณตั้งครรภ์ คุณจะสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของเต้านมและหัวนม ซึ่งจะเปราะบาง อ่อนไหว และมีความรู้สึกได้ง่ายขึ้นในระยะ ๓ เดือนแรกของการตั้งครรภ์ (หลังจากที่ประจำเดือนขาดประมาณ ๑ สัปดาห์) หรืออาจเกิดอาการบวม—คล้ายๆ กับอาการก่อนเกิดประจำเดือนที่หน้าอกใหญ่ขึ้น

๒. ประจำเดือนน้อยหรือกระปริดกระปอย
หากคุณตั้งครรภ์ ประจำเดือนอาจจะมาน้อยในช่วงที่มีการฝังตัวของไข่ในมดลูก และจะเกิดขึ้นประมาณ ๘-๑๐ วัน ก่อนที่ประจำเดือนปกติจะมา คุณสามารถแยกแยะจากประจำเดือนปกติได้ หากประจำเดือนมาก่อนกำหนด หรือหากประจำเดือนกระปริดกระปอย สีชมพูอ่อน และไม่ได้มาตามขนาดปกติ (ซึ่งอาจจะมามาก)

๓. บริเวณรอบหัวนมคล้ำขึ้น
ในการตั้งครรภ์ เมื่อถึงระยะเวลาที่รอบเดือนควรจะมา คุณจะสังเกตเห็นบริเวณรอบหัวนม (ที่เป็นวง) จะคล้ำขึ้นและขยายใหญ่ขึ้น ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยให้ทารกสามารถสังเกตเห็นหัวนมได้ง่ายขึ้นในการดูดนมมารดา และอาจจะยังสังเกตเห็นหลอดเลือดบริเวณรอบๆ เต้านมชัดขึ้น ตุ่มที่บริเวณรอบหัวนมก็จะมีมากขึ้น อาจจะมากถึง ๔-๒๘ ในรอบหัวนมหนึ่งๆ

๔. เหนื่อยง่ายขึ้น
อาการเหนื่อยได้ง่ายนี้จะเกิดขึ้นในระยะ ๘-๑๐ สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เมื่อคุณตั้งครรภ์กระบวนการเผาผลาญพลังงานจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ฉะนั้นร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับการปรับตัวเพื่อให้กำเนิดอีกชีวิตหนึ่ง โดยมากแล้วอาการนี้จะหายไปในสัปดาห์ที่ ๑๒ ครับ

๕. อาการแพ้ท้องและอาเจียน
อาการนี้อาจเกิดขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ หลังจากตั้งครรภ์ ซึ่งจะเกิดอาการเวียนศีรษะ อาการนี้มักเป็นอาการที่เข้าใจผิดได้บ่อยๆ ว่าอาจจะไม่ใช่เกิดจากการตั้งครรภ์แต่เป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอหรืออะไรก็ตามแต่ อาการแพ้ท้องนี้เกิดได้ตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน

๖. ปัสสาวะบ่อยขึ้น
ในระยะที่ประจำเดือนขาด ๑-๒ สัปดาห์คุณก็จะพบว่าคุณปัสสาวะบ่อยขึ้น บ่อยกว่าปกติ ซึ่งเกิดจากทารกกำลังเติบโตอยู่ในมดลูกและกดทับกระเพาะปัสสาวะนั่นเอง

๗. ท้องผูก
คุณจะสังเกตการเปลี่ยนแปลงของลำไส้ตั้งแต่แรกเริ่มตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นในช่วงการตั้งครรภ์จะทำให้ระบบขับถ่ายเปลี่ยนแปลงและมีประสิทธิภาพน้อยลง

๘. อุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้น
คุณอาจจะยังรู้สึกเป็นปกติดีตราบเท่าที่ระดับอุณหภูมิยังคงอยู่ในช่วงการประเมินการ แม้จะผ่านช่วงเวลาของการมีประจำเดือนมาแล้ว และเมื่อคุณตั้งครรภ์ ไข่จะตกจากรังไข่ และใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการเดินทางไปถึงมดลูก ซึ่งจะเป็นการไปฝังตัว และในเวลานี้เองที่ร่างกายของคุณจะรู้ได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น

๙. ประจำเดือนขาด
นี่อาจเป็นสัญญาณแรก โดยเฉพาะถ้าปกติประจำเดือนคุณมาสม่ำเสมอ เมื่อรวมกับสัญญาณอื่นๆ แล้วคุณก็สามารถคาดเดาได้แล้วว่ากำลังตั้งครรภ์ แม้แต่ก่อนทำการตรวจด้วยซ้ำไป

๑๐. ผลจากการทดสอบการตั้งครรภ์
แม้เพียงประจำเดือนขาดไป ๑ วัน และคุณพร้อมที่จะรับรู้ความจริง ก็สามารถไปซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์มาทดสอบเองได้ที่บ้าน การทดสอบจากปัสสาวะจะมีความแม่นยำมากขึ้นหากตรวจหลังจากปฏิสนธิได้ ๑๐-๑๔ วัน หากคุณไม่สามารถรอจนถึงกระทั่งช่วงที่ประจำเดือนขาด การตรวจเลือดจะมีความแม่นยำ ในช่วง ๘-๑๐ วันหลังจากปฏิสนธิ และคิดอยู่เสมอว่าไม่มีการทดสอบใดที่ได้ผลถูกต้อง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แม้แต่การตรวจเลือด หากคุณตรวจแล้วมีผลว่าไม่ตั้งครรภ์แต่คุณยังรู้สึกเหมือนกับว่าคุณตั้งครรภ์ ให้ตรวจอีกครั้งหลังจากนั้น ๑ สัปดาห์

ขอแสดงยินดีกับคุณแม่ที่ตั้งท้องสมกับความตั้งใจ ท่านอาจจะเกิดอาการบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางท่านอาจจะกังวลว่าอาการดังกล่าวจะมีผลต่อตัวคุณแม่หรือลูกอาการต่างๆ ทีพบได้มีดังนี้
- อาการแพ้ท้อง
- การเปลี่ยนแปลงทางเต้านม
- อาการปวดหลัง
- ปัสสาวะบ่อย
- อาการปวดท้องน้อย
- อาการปวดศีรษะ
- ริดสีดวงทวาร
- อาการจุกเสียดแน่นท้อง
- นอนไม่หลับ
- ตะคริว
- อาการเหนื่อยหอบ
- การเปลี่ยนผิวหนังในคนท้อง
- อาการบวมและเส้นเลือดขอด

อาการแพ้ท้อง
มักเป็นกันมากในหญิงมีครรภ์ที่เป็นครรภ์แรก ซึ่งมักจะเป็นในช่วง ๓ เดือนแรก ด้วยความเป็นกังวลที่ทำให้มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย แปรปรวนและหงุดหงิดค่อนข้างง่าย หากผู้ใดที่อยู่ใกล้ไม่มีความเข้าใจมักเกิดความรำคาญหรือว่ากล่าวอันเป็นเหตุให้คุณแม่มือใหม่เกิดอาการเครียดขึ้นมาได้

อาการต่างๆ ที่เป็นกันมากมักมีดังนี้ คลื่นไส้อาเจียนตอนเช้าๆ หรือตอนกลางวัน อ่อนเพลียหรือเบื่ออาหาร ร่างกายซูบซีดอิดโรย ตัวดำ หรือเหลืองซีด น้ำหนักตัวลด อาการนี้สามีอาจมีอาการร่วมด้วย ที่เราเรียกว่า แพ้ท้องแทนเมีย นั่นเอง ซึ่งถ้าปล่อยให้อาการเหล่านี้เป็นมากเป็นบ่อย อาจส่งผลกระทบถึงทารกที่กำลังจะคลอดออกมาตัวอาจเล็กลง และเป็นโรคขาดสารอาหารได้ หรืออาจจะคลอดออกมาก่อนกำหนด อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาเจียนคลื่นไส้มากคือ ร่างกายแม่รับทานอาหารน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายรับสารอาหารได้ไม่เพียงพอ ปฏิกิริยาต่างๆ ที่กล่าวมาจึงเกิดขึ้นได้


ที่มา : หมอชาวบ้าน 01/2006

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น